วันจันทร์ที่ 27 มิถุนายน พ.ศ. 2554

บุคคลสำคัญของโลก

มหาตมะ คานธี ( Mahatma Gandhi )
นักการเมืองชาวอินเดีย

ระหว่าง ค.ศ. 1869 - 1948 ( พ.ศ. 2412 - 2491 )

เป็น ผู้นำทางการเมืองที่ต่อสู้เพื่อเอกราชของชาวอินเดียจากอังกฤษ โดยสันติวิธีหรือแบบอหิงสา เช่นอดอาหารประท้วง ไมใช้กำลังความรุนแรง จนกระทั่งอังกฤษยินยอมให้เอกราชในปี ค.ศ.1948 โดยที่ มหาตมะ คานธี ถูกชาวฮินดูหัวรุนแรงลอบสังหารเมื่อวันที่ 30 มกราคม ค.ศ.1948

อดอล์ฟ ฮิตเลอร์ ( Adolf Hitler )
นายกรัฐมนตรีเยอรมัน
ระหว่าง ค.ศ. 1889 - 1945 ( พ.ศ. 2432 - 2488 )

เป็น ผู้นำเยอรมันในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 เป็นหัวหน้าพรรคสังคมนิยมแห่งชาติ หรือนาซี มีเป้าหมายจะ ขยายอาณาจักรเยอรมันให้กว้างขวางโดยวิธีการรุกรานประเทศอื่นๆ ในยุโรป ได้กำจัดชาวยิวตายนับล้าน- คน ในที่สุดต้องปราชัยต่อฝ่ายพันธมิตร และฮิตเลอร์ฆ่าตัวตายในเดือนเมษายน ค.ศ. 1945

จอห์น เอฟ. เคนเนดี้ ( John Fitzgerald Kennedy )
ประธานาธิบดีคนที่ 35 ของสหรัฐอเมริกา
ระหว่าง ค.ศ. 1917 - 1963 ( พ.ศ. 2460 - 2506 )

ดำรง ตำแหน่งเมื่อปี ค.ศ. 1961 เป็นประธานาธิบดีที่อายุน้อยที่สุดของอเมริกา บทบาทสำคัญที่ประทับ ใจชาวอเมริกันคือ ยื่นคำขาดให้โซเวียตถอนอาวุธนิวเคลียร์ออกไปจากประเทศคิวบาได้สำเร็จในเดือน ตุลาคม ค.ศ. 1962 ที่เรียกว่า "วิกฤติการณ์คิวบา" ต่อมาเคนเนดี้ถูกยิงเสียชีวิตที่เมือง ดัลลาส รัฐเท็กซัส เมื่อวันที่ 22 พฤศจิกายน ค.ศ. 1963 โดยมือปืนชื่อ ลี ฮาร์เวย์ ออสวอลล์

วอลท์ ดิสนีย์ ( Walt Disney )
ชาวอเมริกัน
ระหว่าง ค.ศ. 1891 - 1966 ( พ.ศ. 2434 - 2509 )

เป็น นักสร้างภาพยนตร์การ์ตูนที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของโลก เป็นผู้สร้างการ์ตูน มิคกี้ เมาส์ และ เป็ดโดนัลด์ ดั๊ก และเป็นผู้ริเริ่มจัดสร้างสวนสนุก ดิสนีย์แลนด์

ฟลอเรนส์ ไนติงเกล ( Florence Nightingale )
ชาวอังกฤษ
ระหว่าง ค.ศ. 1802 - 1910 ( พ.ศ. 2345 - 2453 )

เป็น ผู้บุกเบิกการพยาบาลสมัยใหม่ ได้อุทิศชีวิตเพื่อดูแลคนเจ็บและทหารในฐานะพยาบาล ในช่วงที่ อังกฤษส่งทหารไปรบกับรัสเซีย ในสงครามไครเมียร์ เมื่อเดือนกันยายน ค.ศ. 1854 จนได้รับฉายาว่า "สตรีผู้ถือโคมไฟ" ( The lady of the lamp )

โวล์ฟกัง อมาเดอุส โมสาร์ท ( Wolfgang Amadeus Mozart )
ชาวออสเตรเลีย
ระหว่าง ค.ศ. 1756 - 1791 ( พ.ศ. 2299 - 2334 )

เป็น นักดนตรีและนักแต่งเพลงคลาสสิก มีผลงานประพันธ์เพลงและเรียบเรียงเสียงดนตรีเกือบ 800 เพลง ทั้งประเภท ซิมโฟนี โอเปร่า และดนตรีที่ใช้ในพิธีทางศาสนา เครื่องดนตรีที่เขาถนัดมากที่สุดคือ เปียโน โดยเริ่มเล่นตั้งแต่ 5 ขวบ

อับราฮัม ลินคอล์น ( Abraham Lincoln )
ประธานาธิบดีคนที่ 16 ของสหรัฐอเมริกา
ระหว่าง ค.ศ. 1809 - 1865 ( พ.ศ. 2352 - 2408 )

เป็น ผู้ประกาศเลิกทาสเมื่อปี ค.ศ. 1863 ซึ่งเป็นสาเหตุหนึ่งของสงครามกลางเมืองในสหรัฐอเมริกา ระหว่าง ฝ่ายเหนือกับฝ่ายใต้ ต่อมาลินคอล์นถูกลอบยิงเสียชีวิตเมื่อวันที่ 14 เมษายน ค.ศ. 1865

คริสโตเฟอร์ โคลัมบัส ( Christopher Columbus )
ชาวอิตาลี
ระหว่าง ค.ศ. 1451 - 1506 ( พ.ศ. 1994 - 2049 )

เป็นนักผจญภัยทางทะเล นักเดินเรือผู้ค้นพบโลกใหม่หรือทวีปอเมริกาเมื่อปี ค.ศ. 1492

มาร์ติน ลูเธอร์ คิง ( Christopher Columbus )
ชาวอเมริกัน นิโกรผิวดำ
ระหว่าง ค.ศ. 1929 - 1964 ( พ.ศ. 2472 - 2507 )
เป็น ผู้นำชนผิวดำต่อต้านการเหยียดผิวในสหรัฐอเมริกา และต่อสู้เรียกร้องสิทธิมนุษยชนให้แก่ชาวอเมริกัน- นิโกร จนได้รับรางวัลโนเบล สาขาสันติภาพ ในปี ค.ศ. 1964 แต่ต่อมาได้ถูกลอบยิงจนเสียชีวิต

ชาร์ลส์ เดอ โกลล์ ( Charles de Gaulle )
ประธานาธิบดีฝรั่งเศส
ระหว่าง ค.ศ. 1890 - 1970 ( พ.ศ. 2433 - 2513 )

เด อ โกลล์ เป็นนายพลแห่งกองทัพฝรั่งเศสในตอนต้นของสงครามโลกครั้งที่ 2 ได้ต่อต้านการรุกรานของ กองทัพเยอรมันอย่างเข้มแข็งและต่อมาได้ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีของฝรั่งเศส ตั้งแต่ ค.ศ.1945 - 1946 และจากปี ค.ศ.1958 - 1969

ลุดวิก แวน บีโธเฟ่น ( Ludwig Van Beethoven )
ชาวเยอรมัน
ระหว่าง ค.ศ. 1770 - 1827 ( พ.ศ. 2313 - 2370 )

เป็น นักดนตรีและนักแต่งเพลงคลาสสิกที่ยิ่งใหญ่คนหนึ่งของโลก มีความสามารถเล่นเปียโนได้อย่าง- ยอดเยี่ยมตั้งแต่วัยเด็ก จนกระทั่งในปี ค.ศ. 1801 เขาเริ่มหูหนวก ไม่สามารถแสดงดนตรีบนเวทีได้อีก- ต่อไป แต่เขาสามารถแต่งเพลงดีๆ ได้จำนวนมาก เพลงที่มีชื่อเสียงมากที่สุดคือ Moonlight ถือว่าเป็นนัก แต่งเพลงและนักดนตรียุคคลาสสิกคนสุดท้าย

เลโอนาร์โด ดา วินชี่ ( Leonardo Da Vinci )
ศิลปินภาพวาดชาวอิตาลี
ระหว่าง ค.ศ. 1452 - 1519 ( พ.ศ. 1995- 2062 )

ภาพวาดที่ตกทอดมาถึงยุคสมัยปัจจุบัน 17 ชิ้น ที่มีชื่อเสียงมากที่สุดคือ ภาพวาด "โมนา ลิซ่า" และ "อาหารมื้อสุดท้าย"

วิลเลียม เช็คสเปียร์ ( William Shakespeare )
ชาวอังกฤษ
ระหว่าง ค.ศ. 1564 - 1616 ( พ.ศ. 2107 - 2159 )

เป็น นักเขียนบทละครที่มีชื่อเสียงของโลก มีผลงานมากกว่า 37 เรื่อง และบทกวีมากกว่า 150 บท บทละครส่วนใหญ่ของเชคสเปียร์เป็นละครชวนหัว ละครประวัติศาสตร์ และโศกนาฏกรรม เรื่องที่มีชื่อเสียง มากที่สุดคือ โรมิโอกับจูเลียส , จูเลียส ซีซาร์ , และเวนิสวานิช

คาร์ล มาร์กซ์ ( Karl Marx )
นักปรัชญาทางการเมืองและนักเศรษฐศาสตร์ชาวเยอรมัน
ระหว่าง ค.ศ. 1818 - 1883 ( พ.ศ. 2361 - 2426 )

ได้ ชื่อว่าเป็นบิดาแห่ง "ลัทธิสังคมนิยม" ได้เขียนหนังสือชื่อ "คำประกาศของลัทธิคอมมิวนิสต์" และ "ทุน" ซึ่งมีผลทำให้เกิดการแพร่หลาย ขยายตัวของลัทธิคอมมิวนิสต์ไปทั่วโลกและเกิดการปฏิวัติเปลี่ยนแปลง การปกครองเข้าสู่ระบบสังคมนิยมของรัสเซียในปี ค.ศ. 1917

ซุน ยัต เซน ( Sun Yat-sen )
ผู้นำทางการเมืองชาวจีน
ระหว่าง ค.ศ. 1878 - 1925 ( พ.ศ. 2370 - 2468 )

เป็น หัวหน้าพรรค ก๊ก มิน ตั๋ง ผู้นำล้มล้างสถาบันกษัตริย์และระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์และสถาปนา การปกครองระบอบสาธารณรัฐในประเทศจีน เมื่อ ค.ศ. 1911 โดยมี ยวน ซี ไข เป็นประธานาธิบดีคนแรก และต่อมา ซุน ยัด เซน ได้เข้าดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีคนที่ 2 ระหว่าง ค.ศ. 1921 - 1925

นีล อาร์มสตรอง ( Neil Alden Armstrong )
ชาวอเมริกัน
ระหว่าง ค.ศ. 1930 - ( พ.ศ. 2473 - )

เป็น นักบินอวกาศคนแรกของสหรัฐที่ก้าวเหยียบดวงจันทร์ เคยร่วมรบในสงครามเกาหลีในฐานะนักบินกอง ทัพอากาศของสหรัฐ ได้รับเลือกเป็นนักบินอวกาศขององค์การนาซ่า ในโครงการอพอลโล 11 เป็นผู้บังคับการและเป็นมนุษย์คนแรกที่ก้าวเหยียบดวงจันทร์เมื่อวันที่ 16-24 กรกฎาคม ค.ศ. 1969

เหมา เจ๋อ ตุง ( Mao Tse-Tung )
ผู้นำแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน
ระหว่าง ค.ศ. 1893 - 1976 ( พ.ศ. 2436- 2519 )

สร้าง ความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันในหมู่ประชาชนจีน โดยการเผยแพร่อุดมการณ์คอมมิวนิสต์ ปลุกเร้าให้ ประชาชนร่วมมือกันต่อสู้กับความยากจน และยึดมั่นในอุดมการณ์คอมมิวนิสต์อย่างลึกซึ้ง ทำให้สาธารณรัฐ ประชาชนจีนเป็นที่เกรงขามในหมู่สังคมนานาชาติ และมีฐานะเป็นชาติมหาอำนาจที่เข้มแข็งในสมัยนั้น

เซอร์ วินสตัน เชอร์ชิลล์ ( Sir Winston Churchill )
นายกรัฐมนตรีของอังกฤษ
ระหว่าง ค.ศ. 1874 - 1965 ( พ.ศ. 2417 - 2508 )

เป็น นายกรัฐมนตรีของอังกฤษในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 เป็นผู้นำประเทศเข้าต่อสู้การรุกรานของกองทัพ เยอรมัน ในระหว่างสงครามโลกครั้งที่ 2 อย่างเข้มแข็ง ได้ปลุกวิญญาณ ขวัญและกำลังใจประชาชนชาว- อังกฤษ มิให้ย่อท้อต่ออุปสรรค จนได้รับชัยชนะในที่สุด และได้รับการยกย่องให้เป็น "รัฐบุรุษที่ยิ่งใหญ่ของอังกฤษ"

แฟรงคลิน ดี. รูสเวลท์ ( Franklin Delano Roosevelt )
ประธานาธิบดีคนที่ 32 ของสหรัฐอเมริกา
ระหว่าง ค.ศ. 1882 - 1945 ( พ.ศ. 2425 - 2488 )

รูสเวลท์ได้เริ่มโครงการ นิวดีล ในปี ค.ศ. 1941 เพื่อแก้ปัญหาให้คนจนและคนว่างงานและปฏิรูปเศรษฐกิจ ของประเทศ ในช่วงที่เกิดสงครามโลกครั้งที่ 2 รูสเวลท์ดำเนินนโยบายอย่างเข้มแข็งมาโดยตลอด และ หลังจากที่โดนญี่ปุ่นโจมตีฐานทัพเรือ เพิร์ล ฮาร์เบอร์ รัฐฮาวาย ในเดือนธันวาคม ค.ศ. 1942 รูสเวลท์มี บมบาทวางแผนการทหารร่วมกับ วินสตัน เชอร์ชิลล์ นายกรัฐมนตรีของอังกฤษ จนญี่ปุ่นและเยอรมันต้อง ปราชัยไปในที่สุด

จักรพรรดินโปเลียน โบนาปาร์ท ( Napoleon Bonapart )
ผู้นำของฝรั่งเศส
ระหว่าง ค.ศ. 1769 - 1821 ( พ.ศ. 2312 - 2364 )

เป็น ผู้มีความสามารถทางด้านการทหาร เดิมเป็นทหารยศสิบโท จากเกาะคอร์ซิกา เป็นคนเฉลียวฉลาด และทะเยอทะยาน มีร่างกายเตี้ยเล็ก สูงประมาณ 155 ซ.ม. เมื่อจบจากโรงเรียนทหารในฝรั่งเศส ได้แสดง ความสามารถด้านการทหารจนได้รับตำแหน่งสูงขึ้น หลังจากเกิดการปฏิวัติใหญ่ในฝรั่งเสสปี ค.ศ. 1789 เขาได้นำทัพเข้าสู่สงครามในยุโรป และกลายเป็นวีรบุรุษของชาติในปี ค.ศ. 1795 ได้เป็นหัวหน้าของ รัฐบาลใหม่ จนกระทั่งในปี ค.ศ. 1804 จึงสถาปนาตนเองเป็นพระจักรพรรดิของฝรั่งเศส ขยายอาณาเขต ไปจนทั่วยุโรป ต่อมาในปี ค.ศ. 1814 นโปเลียนได้นำทัพฝรั่งเศสไปปราชัยต่อกองทัพรัสเซีย และต้องลี้- ภัยไปอยู่เกาะเอลบาชั่วระยะเวลาหนึ่ง แต่อีกเพียงปีเดียว นโปเลียนกลับมารวบรวมกองทัพฝรั่งเศสทำ- สงครามวอเตอร์ลูในเบลเยียม แต่ต้องปราชัยต่ออังกฤษและรัสเซียในปี ค.ศ. 1815 ครั้งนี้เขาถูกเนรเทศ ไปอยู่ที่เกาะเซนท์เฮเลนา จนกระทั่งสิ้นพระชนม์ในปี ค.ศ. 1821

เบนิโต มุสโสลินี ( Benito Mussolini )
ผู้นำจอมเผด็จการของอิตาลี
ระหว่าง ค.ศ. 1883 - 1945 ( พ.ศ. 2426 - 2488 )

เป็น หัวหน้าพรรคฟาสซิสม์ และนายกรัฐมนตรีของอิตาลี เข้าร่วมเป็นพันธมิตรกับเยอรมันและญี่ปุ่นใน- สงครามโลกครั้งที่ 2 โดยหวังจะแผ่ขยายอำนาจของอิตาลีให้กว้างไกลออกไป แต่ในที่สุดก็ต้องปราชัย และยอมจำนนต่อกองทัพประเทศพันธมิตรในที่สุด

ออง ซาน ซู จี ( Aung San Suu Kyi )
ชาวพม่า
ระหว่าง ค.ศ. 1945 - ( พ.ศ. 2488 - )

เป็น ผู้นำในการต่อสู้เรียกร้องสิทธิมนุษยชนและประชาธิปไตยในพม่า เป็นบุตรสาวของ อู ออง ซาน ซึ่งเป็น วีรบุรุษแห่งชาติพม่าในการเรียกร้องเอกราชจากอังกฤษ โดยถูกลอบสังหารเมื่อ ออง ซาน ซู จี มีอายุเพียง 2 ขวบ ซู จี ได้เป็นผู้นำต่อสู้กับอำนาจเผด็จการทหารของรัฐบาลพม่า ต่อมาในเดือนพฤษภาคม ค.ศ.1990 พรรคการเมืองที่ ซู จี เป็นหัวหน้า ได้รับชัยชนะในการเลือกตั้งอย่างงดงาม แต่รัฐบาลเผด็จการของพม่า กลับไม่ยินยอมให้ตั้งรัฐบาลพลเรือนตามระบอบประชาธิปไตย กลับกักบริเวณมิให้ออกนอกบ้าน ท่ามกลาง เสียงเรียกร้องจากนานาชาติให้ปลดปล่อยนาง ซู จี ให้เป็นอิสระ การต่อสู้เรียกร้องประชาธิปไตยอย่างโดด เดี่ยวส่งผลให้ ออง วาน ซู จี ได้รับความสนใจจากทั่วโลก จนกระทั่งในปี ค.ศ. 1991 ได้รับรางวัลโนเบล สาขา สันติภาพ ในฐานะสตรีผู้ต่อสู้อย่างกล้าหาญเพื่อให้ได้มาซึ่งการปกครองระบอบ ประชาธิปไตย สิทธิ- มนุษยชน และการอยู่ร่วมกันอย่างสันติในหมู่ชนชาติ

Marie Antoinette Queen of France, 1755 - 1793



Marie Antoinette was born November 2, 1755 in Vienna, Austria. She was the youngest and most beautiful daughter of Francis Stephen I and Maria Theresa, Emperor and Empress of the Holy Roman Empire. Marie Antoinette was brought up believing her destiny was to become queen of France. She married the crown prince of France in 1770. Four years later she became queen when her husband was crowned King Louis XVI (House of Bourbon).

The stories of Antoinette's excesses are vastly overstated. In fact, rather than ignoring France's growing financial crisis, she reduced the royal household staff, eliminating many unnecessary positions that were based solely on privilege. In the process she offended the nobles, adding their condemnation to the scandalous stories spread by royal hopefuls. It was the nobility that balked at the financial reforms the government ministers tried to make, not the King and Queen, who were in favor of change. In truth, Antoinette and Louis were placed in harms' way not only by elements of their personalities, but by the changing face of political and social ideology in the 18th and 19th centuries.

In 1789 a mob descended on the palace at Versailles and demanded the royal family move to the Tuilerie palace inside Paris. From that point on the King and Queen were virtual prisoners. Antoinette sought aid from other European rulers including her brother, the Austrian Emperor, and her sister, Queen of Naples. After a failed attempt to flee Paris in 1791 Antoinette continued to seek aid from abroad. When Austria and Prussia declared war on France, she was accused of passing military secrets to the enemy. On August 10, 1792 the royal family was arrested on suspicion of treason and imprisoned. On January 21, 1793 King Louis XVI was convicted and executed on the guillotine.

Marie Antoinette was cruely treated during her final days of captivity. Her best friend, the Princess de Lambelle, was killed and her severed head was put on a pike and paraded in front of the Queen.

Her children (Marie Therese and Louis XVII) were taken from her. Louis XVII was subjected to abuse by the family's jailers and later died, supposedly of Tuberculosis and malnutrition. Marie Therese, her firstborn daughter was the only family member to survive. For additional information about Marie Antoinette and Louis's children, click here.

Antoinette followed her husband to the guillotine on October 16, 1793. She was executed without proof of the crimes for which she was accused. She was only 37 years old.

The Bourbon monarchy was restored in 1814 after the fall of Napoleon I. The succession went to the closest living relative of Louis XVI who became Louis XVIII. He had escaped to Britain where he sat out the Revolution and the Napoleonic wars. The new monarchy had a bumpy road, lasting until 1848 and the ascension of Napoleon III. After Napoleon III abdicated in 1871, France became a republic.

วันอังคารที่ 21 มิถุนายน พ.ศ. 2554

โทรศัพท์มือถือทำให้หลังค่อม !!

ทุกวันนี้ในขณะที่กำลังเดินตามท้องถนน คุณจะเห็นว่ามีสักกี่คนเชียวที่เดินศีรษะตั้งตรงและไม่ก้มลงวุ่นอยู่กับ โทรศัพท์มือถือ คำ ตอบก็คือดูเหมือนจะไม่มีเลย เพราะแต่ละคนก็คงกำลังก้มเลือกฟังเพลงจากไอพอด ส่งข้อความบนโทรศัพท์ เช็คอีเมลจากแบล็คเบอรี่ พอมองไปที่คนเหล่านั้นก็คงจะเห็นแต่หัว แทนที่จะเห็นลูกกะตา

จริง อยู่เทคโนโลยีอาจทำให้การสื่อสารง่ายขึ้น แต่ Kirsten Lord นักกายภาพบำบัดและกรรมการผู้จัดการของ Edinburgh Physiotherapy Centre บอกว่าการก้มลงใช้อุปกรณ์สื่อสารตลอดเวลาอาจทำให้คุณหลังค่อมได้ เธอบอกว่าเนื่องจากร่างกายคนเราคือผลผลิตของสิ่งที่เราทำในแต่ละวัน อีกทั้งวิถีชีวิตที่เปลี่ยนไปยังทำให้ร่างกายเราเปลี่ยนไปด้วย ถ้าเราก้มศีรษะลงบ่อยๆ เราก็จะพัฒนาความโค้งของร่างกายไปข้างหน้า ซึ่งจะทำให้กระดูกสันหลังของเราห่อตัวลงมา ไหล่ของเราจะงอ และในเวลาที่ยืนตัวตรงหรือยืดคอ เราจะรู้สึกผิดปกติตรงส่วนนั้นเพราะกล้ามเนื้อบริเวณนั้นที่เคยใช้ในการยืด ตัวหรือยืดคอได้หดสั้นลงไปเพราะขาดการใช้

ใน สมัยก่อนอาการผิดปกติของร่างกายมักเกิดกับท่อนหลังส่วนล่าง แต่ในระยะห้าปีที่ผ่านมาปัญหาย้ายไปเกิดที่บริเวณคอ ซึ่งนักกายภาพบำบัดโทษว่าเป็นเพราะเทคโนโลยีปัจจุบันที่เราใช้กันอยู่ อีกทั้งพวกเขายังเจอคนไข้ที่ร่างกายมักโดนผลกระทบจากงานที่ทำ

การ ทำงานหน้าจอคอมพิวเตอร์หลายๆ ปีอาจทำให้คอของบางคนยื่นออกมาโดยไม่รู้ตัวจนกลายเป็นท่าธรรมชาติของคอไปโดย ปริยาย การยื่นคอไปข้างหน้าเวลาใช้คอมพิวเตอร์ทำให้ส่วนบนของกระดูกสันหลังถูกบีบ เส้นประสาทโดนกดจนทำให้ปวดศีรษะ ซึ่งอาจปวดมากขึ้นระหว่างวัน และการก้มลงมองแล็ปท็อปอาจทำให้มีผลด้านลบต่อการวางท่าทางของร่างกาย

การ นั่งอยู่หน้าจอคอมทำให้ส่วนกลางของแผ่นหลังเกิดอาการรัดตัว หมายความถึงมีความยืดหยุ่นน้อยลงและเป็นอันตรายต่อร่างกายมากขึ้น ในขณะที่ความเมื่อยและอ่อนล้าของกระดูกซี่โครงที่ติดอยู่กับกระดูกสันหลัง อาจทำให้หายใจลึกๆ ได้ลำบาก

แล็ป ท็อป หรือคอมพิวเตอร์แท็บเล็๋ต ยิ่งแย่เข้าไปใหญ่ โดยเฉพาะหากคุณใช้อุปกรณ์เหล่านี้ขณะที่นั่งตัวงออยู่บนโซฟาและไม่มีแท่น อะไรมารองรับ

การ ใช้คีย์บอร์ด โทรศัพท์ และแท็บเล็ตต่างๆ ต้องการความเคลื่อนไหวของร่างกายเพียงน้อยนิด ถึงกระนั้น คนจำนวนหนึ่งในสิบเชื่อว่าประสบอุบัติเหตุในขณะที่เดินและส่งแมสเสจไปด้วย

ใน ฐานะนักกายภาพบำบัด Kirsten คิดว่าไม่มีประโยชน์ที่จะต่อต้านเทคโนโลยี วิธีที่ดีคือรณรงค์ให้คนใช้อุปกรณ์เหล่านี้ในท่าทางที่เอื้อต่อสุขภาพที่ดี ของร่างกายจะดีกว่า เช่น หยุดการใช้สักพักและเปลี่ยนท่าเพื่อให้กล้ามเนื้อและข้อต่อได้ผ่อนคลาย

การ ลุกขึ้นยืนตรงและตั้งคอให้ตรงอย่างสม่ำเสมอ โดยจินตนาการว่ามีเชือกดึงคอของคุณขึ้นมาจากตรงกลางศีรษะอาจช่วยได้ ในขณะเดียวกัน พยายามฝึกบีบกล้ามเนื้อบั้นท้ายเพื่อให้กล้ามเนื้อส่วนนั้นได้หดตัวบ้าง

Goji Berries


What Are Goji Berries?

The Goji Berry is a small red berry produced by the Lycium Barbarum plant, which is native to certain remote regions of China, Tibet, and Mongolia.

Goji Berries have played a central role in Chinese medicine for thousands of years, but it was not until just recently that scientists in te rest of the world discovered what was in the Goji Berry that made it so powerful.

What makes the Goji Berry so powerful???

Under careful scrutiny, scientists have found the Goji Berry to be one of the most nutritionally dense fruits on earth. Here are the main nutrients found in the Goji Berry that makes it such a potent wellness agent.

The Goji Berry's "Master Molecule" Polysaccharides
Goji Berries contain special polysaccharides which fortify your immune system and are responsible for controlling your body's most important defense systems. Scientists atrribute most of goji's amazing health properties to these special polysaccharides.

19 Different Amino Acids
Goji Berries contain 19 amino acids--the building blocks of protein--including all eight essential for life - no other plant can make that claim!

More Vitamin C Than Oranges
That's right! Goji berries are a better source of Vitamin C than oranges!

Wide Variety Of Antioxidants
Goji Berries contain complete spectrum of antioxidant carotenoids, including beta-carotene and zeaxanthin (supports the eyes). Goji berries are the best source of carotenoids of known foods.

Goji berries also include:
B-complex Vitamins
Vitamin E
Essential fatty acids
Betaine

How to benefit from the Goji Berry:

Goji berries are certainly one of the most nutrient-dense foods scientists know of, but they won't benefit you if they remain on the goji bushes in the Himalayas! That's why FreeLife International created a standardized, stabilized goji product, Himalayan Goji Juice. This goji drink is carefully created to ensure that you get just as much nutrition when you drink it as you would if you ate goji berries right off the plant!

Star Fruit

See note at the bottom concerning the potential dangers of Star Fruit to individuals with chronic renal failure or end-stage renal disease.!

The star fruit or carambola (Averrhoa carambola) is a tropical fruit that is gaining popularity in the United States. This fruit acquired its name from the five pointed star shape* when cut across the middle of the fruit (occasionally 4 or 6 ribbed fruit may occur). The 3 to 5 inch long fruit has a waxy, golden yellow to green color, paper-thin translucent skin and a complicated flavor combination that includes plums, pineapples, and lemons. The star fruit is juicy and crunchy, and may be eaten skin, seeds and all or used as a garnish, in salads and in relishes and preserves. When used in cooking, green fruit are frequently used for their sourness.


Although it is not now found in the wild, the star fruit is originally native to Sri Lanka and the Moluccas, and has been cultivated in Southeast Asia and Malaysia for almost 1,000 years. The fruit also goes by many other names including: Chinese star fruit, five-angled fruit, star apple and kamrakh (Indian). Today they are also grown throughout the Caribbean, Central and South America, Florida and Hawaii because the fruit thrives on growing in a warm environment.

A member of the wood sorrel family, star fruit grow on a bushy tree 25 to 30 feet high with a spread of 20 to 25 feet. The leaves are sensitive to touch and light, folding up at night or when touched. The fragrant flowers are pink to lavender in color, about 3/8 inch in diameter. The fruits grow in groups of 3 or 4 on the branches and trunk of the tree and the trees produce fruit for up to 40 years. Star fruit are non-seasonal and produce 3 to 5 crops each year.

Two types of star fruit are grown, tart and sweet. Tart varieties typically have narrowly spaced ribs, while sweet varieties tend to have thicker, fleshy ribs. The tastes between the two are hardly distinguishable, as the tart variety still has some sweetness. This tropical fruit is readily available July through February.

Star fruits are an excellent source of vitamin C, is low fat, and naturally sodium and cholesterol free. A small whole star fruit will provide approximately 2/3 cup sliced.

Traditional Medicinal Uses
Preparations of the leaves and roots have been used to cure headaches, hangovers, sore eyes, ringworm, prickly heat and chickenpox. Given to nursing mothers it is believed to stimulate the flow of milk.

Selection
Select firm, shiny skinned, even colored fruit. Star fruits will ripen at room temperature and have lightly brown edges on the ribs and a full fruity aroma when ripe. Avoid purchasing fruit with brown, shriveled ribs. This delicious fruit is also available dried.

Storage
Non-ripe star fruit should be turned often, until they are yellow in color and ripe with light brown ribs. Store ripe star fruits at room temperature for two to three days or unwashed, and refrigerated, in a plastic bag for up to one to two weeks.

Preparation
Star fruits are great to eat out of hand as these tropical delights do not need to be peeled or seeded before eating. Simply wash the fruit, remove any blemished areas, cut crosswise to get the star shape, and eat.