วันศุกร์ที่ 25 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

กุหลาบแดง… ช่อนั้น



ชายคนหนึ่งหยุดรถที่ร้านขายกระเช้าดอกไม้ เตรียมจะสั่งกระเช้าดอกไม้ทางโทรศัพท์ เพื่อให้ทางร้านโทรศัพท์ติดต่อร้านดอกไม้อีกเมืองหนึ่ง ให้ส่งดอกไม้ไปอวยพรวันเกิดแก่แม่ของเขา ที่อยู่ห่างออกไปประมาณสี่ร้อยกิโลเมตร เมื่อเขาลงจากรถยนต์ เขาเห็นเด็กผู้หญิงอายุราว 5 ปี นั่งร้องไห้อยู่ที่หน้าร้าน จึงเข้าไปถาม “ร้องไห้ทำไมจ้ะ มีอะไรให้ช่วยไหม”

เด็กหญิงตอบทั้งน้ำตาว่า “หนูอยากซื้อดอกกุหลาบสีแดงไปให้แม่ ดอกกุหลาบราคาดอกละห้าบาท แต่หนูมีเงินแค่บาทเดียวเท่านั้นเอง”

ชายคนนั้นยิ้มแล้วบอกว่า “ไม่เป็นไร เดี๋ยวลุงจะซื้อให้หนูเอง”

แล้วเขาก็จ่ายเงินห้าสิบบาท ซื้อกุหลาบสีแดงจำนวนสิบดอกให้แก่หนูน้อย แล้วถามว่า

“แล้วตอนนี้แม่ของหนูอยู่ที่ไหน หนูจะพาลุงไปหาแม่ของหนูด้วยได้ไหมล่ะ”

หนูน้อยตอบตกลง บอกว่าแม่ของหนูอยู่ใกล้ร้านขายดอกไม้นิดเดียวเอง เดินไปเดี๋ยวเดียวก็ถึง

เด็กหญิงพาชายใจดี ผู้มีน้ำใจไมตรีออกจากร้าน เดินผ่านเข้าไปในวัดที่อยู่ใกล้ร้าน เข้าถึงศาลา ซึ่งมีศพที่เพิ่งจะเสียชีวิตมาไม่กี่วันตั้งอยู่ หนูน้อยหยิบดอกกุหลาบสีแดงช่อนั้นเข้าไปกราบหน้าศพ ซึ่งมีรูปผู้หญิงยังสาวตั้งอยู่ แล้วร้องไห้สะอึกสะอื้น

ชายใจดีเดินกลับมายังร้านดอกไม้แห่งเดิม ด้วยความรู้สึกที่บอกไม่ถูก เขาบอกยกเลิกการสั่งดอกไม้ทางโทรศัพท์ที่เตรียมส่งไปให้แม่ แต่ซื้อกุหลาบช่อใหญ่ แล้วขับรถใช้เวลาห้าชั่วโมง ตรงไปหาแม่ของเขาซึ่งอยู่ห่างออกไปสี่ร้อยกิโลเมตรในคืนวันนั้นเอง……

ความหมายของวันวาเลนไทน์….
คงไม่ใช่เพียงแค่การมอบดอกไม้แก่กันหรือซื้อช็อกโกแลตให้เท่านั้น

แต่ความหมายอยู่ที่ตัวคุณเอง
คุณได้เอาใจใส่… คุณได้คอยดูแล…. คุณได้คอยทนุถนอม… คุณได้รดน้ำ… คุณได้พรวนดิน…

คุณได้ใส่ปุ๋ย…ให้กับต้นรักของคุณ… เพียงพอหรือไม่…

และความรักควรออกมาจากข้างใน…ในใจของคุณ
คุณสามารถทำให้ทุกๆ วันของคุณเป็นวันแห่งความรักได้

ความรักที่แท้จริง… อยู่ไม่ไกล… อยู่ในใจคุณ … อยู่ข้าง ๆ กายคุณ

เป็นคนที่รักคุณ… รักคุณมากที่สุด… คือรักจาก …พ่อ.. และแม่…ของคุณเอง..

วันเสาร์ที่ 5 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

ควันธูปภัยร้ายใกล้ตัว



ธูปทำมาจากขี้เลื่อย กาว น้ำมันหอมสกัดจากพืช ใบไม้ เปลือกไม้ รากไม้ เมล็ดพืช เรซิน และสารเคมีที่ใช้ในอุตสาหกรรมน้ำหอมพอกอยู่บนก้านไม้

ธูปมีหลายรูปแบบ หลายขนาด ตั้งแต่เล็กถึงใหญ่มาก ๆ สามารถเผาไหม้หมดได้ในเวลา 20 นาที ถึง 3 วัน 3 คืนก็มี คาดว่า มีคนจุดธูปทั่วโลกปีหนึ่ง ๆ เป็นหมื่น
ถึงแสนตัน

การเผาไหม้ของธูปจะปล่อยสารต่าง ๆ มากมาย มีทั้งฝุ่นละอองขนาดเล็ก ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ คาร์บอนมอนอกไซด์ ไนโตรเจนออกไซด์ มีเทน และสารก่อ
มะเร็งหลายชนิด เช่น สาร PAH ซึ่งพบว่า มีความสัมพันธ์กับมะเร็งปอด ผิวหนัง และกระเพาะปัสสาวะ , สารเบนซีน สัมพันธ์กับมะเร็งเม็ดเลือดขาว และสาร 1,3-บิวทาไดอีน
สัมพันธ์กับมะเร็งของระบบเลือด

นอกจากควันธูปเป็นมลพิษทางอากาศที่สำคัญในบ้าน อาคาร สถานที่ทำงาน วัด และศาลเจ้าที่มีการจุดธูปแล้ว การจุดธูปยังถือเป็นอีกหนึ่งพฤติกรรมในกิจวัตร
ประจำวันของมนุษย์ ที่ส่งผลให้เกิดภาวะโลกร้อนด้วย

การจุดธูปเป็นวัฒนธรรมที่มีรากฐานจากความเชื่อที่มีมาแต่โบราณสืบทอดต่อ ๆ กันมาว่า ทำให้สิ่งที่เราสักการะรับทราบถึงการกระทำของเรา การจุดธูปนั้นก่อให้เกิด
ความสุขทางจิตใจ แต่สิ่งที่เราคาดไม่ถึงคือ การส่งผลให้เกิดภาวะโลกร้อน และอาจทำให้เกิดโรคมะเร็ง

เราควรจะปรับเปลี่ยนความเชื่อและพฤติกรรมนี้ใหม่ โดยหันมาคำนึงถึงการดูแลรักษาสิ่งแวดล้อมและตัวเรา ด้วยการรณรงค์ให้ทั่วโลกลดการจุดธูปโดยเริ่มจากคนไทยก่อน

ทางเลือกใหม่…ใส่ใจสุขภาพ

1.ใช้ธูปที่มีขนาดสั้นลง หรือเป็นแบบชนิดไฟฟ้า

2.หากจำเป็นต้องจุดธูป ควรตั้งกระถางธูปไว้ภายนอกอาคารที่อากาศถ่ายเทสะดวก

3.จุดธูปแล้วรีบดับ โดยจุ่มลงในน้ำหรือทราย

4.อาจสักการะได้โดยการพนมมือ หรือถือธูปไว้ แต่ไม่จุด แล้วระลึกถึงสิ่งที่เราจะสักการะ

5.การไหว้พระออนไลน์ ซึ่งเราสามารถจุดธูปเทียน ถวายดอกไม้ ปิดทองพระ ท่องบทสวด ภาวนาจิตผ่านทางคอมพิวเตอร์ได้

หากทุกคนช่วยกันปรับเปลี่ยนพฤติกรรมในการสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ เราก็เป็นคนหนึ่งที่จะมีส่วนช่วยในการลดการปลดปล่อยมลพิษ และก๊าซเรือนกระจก
ลดภาวะวิกฤติโลกร้อน และยังช่วยลดอุบัติการณ์การเกิดมะเร็งลงได้